- ฮาร์ดแวร์และซอฟแวร์ใช้ในโครงสร้างพื้นฐานทางธุรกิจ ภายในองค์กรและคู่ค้า
- ฮาร์ดแวร์และซอฟแวร์ที่จำเป็นเพื่อให้สามารถเข้าถึงการทำงานของพนักงานกับอินเตอร์เน็ต และโฮสติ้งของบริการ E-Commerce
ปัญหาปัจจุบันของเว็บไซต์ E-Business
- ปัญหาความช้าของเว็บไซต์
- เข้าไปแล้วไม่เจอข้อมูลของเว็บไซต์
- ช่องโหว่ของโปรแกรมที่มีปัญหาของเว็บไซต์
- การขนส่งข้อมูลที่ไม่ตรงเวลา
- การส่งอีเมลที่ไม่ถึงผู้รับ
- ความปลอดภัยของข้อมูลลูกค้า, ข้อมูลบัตรเครดิต
โครงสร้างพื้นฐานของ E-Business มีทั้งหมด 5 Layer
Layer 1 บริการแอปพลิเคชั่น มีความสะดวกสบายในการทำธุรกรรม หรือซื้อขายสินค้าออนไลน์
Layer 2 เครือข่าย ซอฟแวร์ สนับสนุน Layer 1 ได้แก่ Webbrowser, Database
Layer 3 อินเตอร์เน็ต การขนส่งข้อมูล WIFI, 3G, 4G
Layer 4 การเก็บข้อมูล บันทึกข้อมูล สำรองข้อมูล
Layer 5 การสืบค้นข้อ
*จะขาด Layer ใด Layer หนึ่งไปไม่ได้
KEY MANAGEMENT ISSUES OF E-BUSINESS INFRASTRUCTURE
INTERNET
อินเทอร์เน็ต (Internet) หมายถึง เครือข่ายคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ ที่มีการ
เชื่อมต่อระหว่างเครือข่ายหลาย ๆ เครือข่ายทั่วโลก โดยใช้ภาษาที่ใช้สื่อสารกันระหว่าง
คอมพิวเตอร์ที่เรียกว่า โพรโทคอล (Protocol) ผู้ใช้เครือข่ายนี้สามารถสื่อสารถึงกันได้
ในหลาย ๆ ทาง อาทิ อีเมล เว็บบอร์ด และสามารถสืบค้นข้อมูลและข่าวสารต่าง ๆ
รวมทั้งคัดลอกแฟ้มข้อมูลและโปรแกรมมาใช้ได้
อินเตอร์เน็ตใหญ่แค่ไหน?
- กว่าหนึ่งพันล้านผู้ใช้อินเตอร์เน็ตทั่วโลก
- โครงสร้างอินเตอร์เน็ตขนาดใหญ่ที่ผู้คนเข้าถึง
- วัดจากจำนวนของเซิฟเวอร์
- จำนวนหน้าดัชนีเครื่องมือค้นหา
INTRANET AND EXTRANET
อินทราเน็ต เครือข่ายส่วนตัวภายในองค์กร โดยใช้มาตรฐานอินเตอร์เน็ต เพื่อให้พนักงานแบ่งปันข้อมูลกันภายในองค์กร
เอ็กซ์ทราเน็ต การขยายอินทราเน็ตให้กับลูกค้าหรือผู้ร่วมงานนอกองค์กร
FIREWALL
- ซอฟต์แวร์เฉพาะ ติดตั้งอยู่แยกต่างหากเซิร์ฟเวอร์ที่เป็นจุดที่องค์กรเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต
- ในการปกป้องข้อมูลเกี่ยวกับองค์กร
WEB EVOLUTION
WEB 1.0
ลองนึกย้อนไปตอน Internet เพิ่งเริ่มมีการพัฒนาอย่างจริงๆจังๆ (คงไม่รวมเอาแบบยุคเริ่มต้นเกินไปก็ได้นะ)เราจะเริ่มหรือเคยเห็นมีเว็บไซต์หลากหลาย ซึ่งส่วนใหญ่เจ้าของเว็บไซต์ก็จะเป็นการนำเอาข้อมูลที่ตัวเอง ต้องการนำเสนอไปทำในรูปแบบของ html หรือข้อมูลต่างๆที่เราเห็นอยู่นั่นแหละไปใส่ไว้ในเว็บไซต์ หรืออินเตอร์เน็ต ส่วนเราผู้ใช้ก็มีหน้าที่ คือกดเข้าไปอ่านส่วนเจ้าของก็คือมีหน้าที่คือ Update ข้อมูลเข้ามาทำกันไปกันมาแบบเดียวกันนี้แหละ ซึ่งโดยสรุปเราอาจจะเรียกวิธีการแบบนี้ว่าเป็นการสื่อสารแบบทางเดียว หรือเรียกว่า One Way Communication ก็ได้
WEB 2.0
จาก WEB 1.0 ต่อมาเว็บไต์ก็เริ่มมีการพัฒนา พวก WEB Board, Blog, มีการนำภาพมาแชร์ นำ วีดีโอ มา Post มีการแชร์ แบ่งปัน แลกเปลี่ยน พูดคุย ถกเถียงกัน นินทา ประจาน ใส่ร้ายก็มี ทั้งจากเจ้าของเว็บไซต์เอง หรือจากคนที่เข้ามาใช้งานเว็บไซต์กันเองเรียกว่า ผู้ใช้กลายเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ ข้อมูล หรือ Content ในเว็บไซต์นั้นมีการ update และพัฒนา ปรับปรุง อย่างรวดเร็ว ซึ่งทำให้เว็บไซต์มีรูปแบบของการสื่อสารเป็นแบบสองทาง หรือ Two Way Communication ซึ่งพอมาถึงจุดนี้ทำให้ อินเตอร์เน็ตมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วมากกกก ลองดูข้อมูลที่ผมได้มา จากภาพก็พอจะเข้าใจว่าเกิดไรขึ้นบ้างในช่วงเวลาไม่กี่ปีของการพัฒนาจาก WEB 1.0 มาเป็น web 2.0
WEB 3.0
จาก WEB 2.0 ก็เริ่มขยับก้าวเข้ามาสู่ช่วงของ WEB 3.0 ...แล้วอะไรละที่เพิ่มเข้ามา ก็มีคนสรุปไว้ค่อนข้างเยอะ ผมเองก็อ้างอิงและผนวกกับประสบการณ์และมุมมองส่วนตัวเข้ามาว่า สื่งที่คนพัฒนาเว็บกำลังพยายามทำกันต่อก็คือ แก้ไขปัญหาของข้อมูลหรือ Content ที่ไม่มีคุณภาพต่างๆ ที่ WEB 2.0 ได้สร้างขึ้น ซึ่งมีการขยายขนาดและเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วแล้วทำยังไงละผู้ใช้ถึงจะสามารถเข้าถึง Content หรือสิ่งที่ตัวเองต้องการได้ง่ายและตรงความต้องการมากที่สุด สะดวกที่สุด ก็เลยมีการพูดถึง
WEB 4.0 คืออะไร
WEB 4.0 หรือบางทีเขาเรียกกันว่า “A Symbiotic web” คือเว็บที่ทำงานแบบ Artificial Intelligence (AI) ที่ฉลาดมากยิ่งขึ้น คอมพิวเตอร์สามารถคิดได้ มีความฉลาดมากขึ้น ในการอ่านทั้งเนื้อหา ข้อความ และรูปภาพ หรืวีดีโอ สามารถที่จะตอบสนองหรืตัดสินใจได้ว่าจะ load ข้อมูลอะไร จากไหน ที่จะให้ประสิทธิภาพดีที่สุดมาให้ผู้ใช้งานก่อนก่อน และนอกจากนี้ยังมีรูปแบบการนำมาแสดงที่รวดเร็ว เว็บ 4.0 จะทำให้เว็บ หรือข้อมูลต่างๆ สามารถทำงานได้แทบจะทุก Device หรืออาจจะช่วยระบุตัวตนที่แท้จริงของผู้ใช้เอง
INTERNET TOOLS
- Instant messaging (IM) and Internet Relay Chat (IRC)
- Usenet newsgroups
- FTP file transfer
- Telnet
- Blogs
- RSS (Really Simple Syndication)
- World Wide Web
- IPTV
- BitTorrent
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น